วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

คอมพิวเคอร์ใช้ในงานธุรกิจ แบบฝึกหัดที่ ๒


แบบฝึกหัดท้ายบทที่  ๒
๑.ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์  แตกต่างกันอย่างไร
ตอบ   ฮาร์ดแวร์เป็นอุปกรณ์จับต้อง  สัมผัส   และสามารถมองเห็นได้เป็นรูปธรรม      ฮาร์ดของคอมพิวเตอร์จะมีทั้งที่ติดตั้งภายในตัวเครื่องของคอมพิวเตอร์(เช่น  ซีพียู   เมนบอร์ด   แรม )   และที่ติดตั้งอยู่ภายนอกเครื่องคอมพิวเอร์ (เช่น คีย์บอร์ด  เม้าส์  จอภาพ   เครื่องพิมพ์ )
ส่วนซอฟต์แวร์  เป็นส่วนของโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่บรรจุคำสั่งเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ที่ต้องการโดยปกติแล้วจะถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลที่เรียกว่า  นักเขียนโปรแกรม
๒.หน่วยงานที่ชื่อ  SIPA   ถูกจัดตั้งโดยกระทรวงใด มีบทบาทและหน้าที่อย่างไรบ้างในวงการซอฟต์แวร์ไทย
ตอบ   ขึ้นในรูปขององค์การมหาชนเพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมให้คนไทยพัฒนาซอฟต์แวร์ไว้ใช้เอง  ลดการนำเข้าจากต่างประเทศรวมถึงการพัฒนาการส่งออกและนำรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
๓.นักวิเคราะห์ระบบกับผู้ใช้งานมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง  จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ   หากเปรียบเทียบแล้วอาจเหมือนกับลักษณะการทำงานของสถาปนิกที่ออกแบบอาคารบ้านเรือนนั่นเอง ซึ่งบ้านหรืออาคารแต่ละหลัง  จะออกแบบให้ดีได้ก็ต้องไปเก็บข้อมูลหรือสอบถามความต้องการของเจ้าของบ้านเสียก่อน
๔.ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์  มีหน้าที่และบทบาทอย่างไรกับงานทางด้านคอมพิวเตอร์
ตอบ  หน้าที่หลักคือ  การปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบในหน่วยงานให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ  บางครั้งก็เรียกว่า  ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์   กลุ่มคนประเภทนี้จะต้องมีทักษะและประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี  เพราะการปฏิบัติงานกับผู้อาจเกิดปัญหาในการใช้งานได้ตลอดเวลา
๕.Software   Engineer   เกี่ยวข้องอย่างไรกับกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์
ตอบ   ทำหน้าที่  ในการวิเคราะห์และตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่พัฒนาอย่างมีแบบแผนโดยอาศัยหลักการทางวิศวกรรมศาสตร์มาช่วย  เช่น  วัดค่าความซับซ้อนของซอฟต์แวร์ที่ทำว่าใช้บรรทัดคำสั่ง (line   of  code)  ในการเขียนโปรแกรมมากน้อยเพียงใด
๖.การดูแลและบริหารระบบเครือข่าย  เกี่ยวข้องกับบุคคลตำแหน่งใดใดมากที่สุด
ตอบ   เป็นเหมือนเส้นทางผ่านของสัญญาณเพื่อให้อุปกรณ์ระหว่างหน่วยประมวลผลกลางและหน่วยความจำในระบบสามารถเชื่อมต่อกันได้  อาจเปรียบเหมือนกับถนนที่ให้รถยนต์วิ่งไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่งยิ่งถนนกว้างหรือมีมากเท่าไหร่  การส่งข้อมูลต่อครั้งก็ยิ่งเร็วและมากขึ้นเท่านั้น
๗.binary digit คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำงานของคอมพิวเตอร์
ตอบ  เป็นหน่วยความจำชนิดที่สามารถลบและบรรจุตำสั่งต่างๆ ลงไปไหม่ได้โดยอาศัยการฉฟายแสงอุลตร้าไวโอเลตลงบนช่องกระจกบนตัวชิปช่วงระยะเวลาหนึ่ง      เมื่อข้อมูลีท่อยู่ในนั้นหายไปจึงนำเอาไปบรรจุคำสั่งใหม่ได้
๘.กระบวนการแปลงข้อมูลปกติให้เป็นเลขฐานสองทางคอมพิวเตอร์  มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ   ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก  สำหรับกรณีของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เมื่อเสียหายแล้วเราอาจจะหาซื้อมาใหม่เพื่อทดแทนของเดิมได้   แต่ข้อมูลเมื่อสูญหายแล้วยากที่จะนำกลับคืนมาใหม่ได้
๙.การนำข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์  สามารถทำได้โดยวิธีใดบ้าง  จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ   การนำเข้าข้อมูล  ต้องผ่านอุปกรณ์หลายชนิด  ขึ้นอยู่กับกับรูปแบบของข้อทูลด้วยว่าเป็นแบบใดและข้อมูลนำเข้าเหล่านั้นสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เหล่านั้นได้หรือไม่  เช่น  คีบอร์ต   สแกนเนอร์   ไมโครโฟน
๑๐.พื้นฐานการทำงานของคอมพิวเตอร์  ส่วนใดที่ถือว่าเป็นเหมือนกับ “สมอง” และประกอบด้วยส่วนที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง
ตอบ   คอมพิวเตอร์โดยทั่วไปตามแนวสถาปัตยกรรมของจอห์น   นิวแมนน์   ที่เน้นให้มีการติดตั้งชุดคำสั่งโปรแกรมเก็บไว้ในเครื่องได้นั้น  มีหลักการทำงานซึ่งประกอบด้วยหน่วยที่เกี่ยวข้องแบ่งออกได้เป็น   5  หน่วย
-หน่วยงานประมวลผลกลาง  (Central   processing   Unit)
-หน่วยความจำ   (Primary   storage)
-หน่วยความจำสำรอง   (Secondary   storage)
-หน่วยรับและแสดงผลข้อมูล    (input/output   unit)                      -ทางเดินของระบบ   (system   bus)
๑๑.ROM และ RAM เหมมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ   rom   คือ  เป็นหน่วยความจำที่อ่านได้อย่างเดียวไม่สามารถเขียนหรือบันทึกเพิ่มเติมได้
          Ram   คือ   เป็นหน่วยความจำอีกประเภทหนึ่งซึ่งต่างจาก rom  คือ  จะจดจำข้อมุลคำสั่งในระหว่างระบบกำลังทำงานอยู่  ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
๑๒. machine   cycle คืออะไร  และมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง  จงอธิบาย
ตอบ    จำเป็นต้องมีการสอบถามความต้องการ  ในการใช้งานเบื้องต้นของกลุ่มผู้ใช้งานเหล่านี้ด้วย  โดยอาจใช้วิธีการสัมภาษณ์ลักษณะงานที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน  รวมถึงการออกแบบสำรวจความต้องการฃของระบบที่อยากได้
๑๓.ขั้นตอนช่วง E-Time ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง
ตอบ    การดึงข้อมูล    การแลความหมาย        การปฏิบัติการ      การเก็บผลลัพธ์     
     จากกระบวนการในขั้นตอนที่ ๑  และ  ๒  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดึงเอาคำสั่งและแปลความหมายเกี่ยวกับคำสั่งเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการนั้น

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

ระบบปฏิบัติการ windows


ระบบปฏิบัติการ  windows

Windows คืออะไร วินโดวส์ คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง

Windows คืออะไร
     Windows คือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง (operating system) สร้างขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัทไมโครซอฟต์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะเป็น GUI (Graphic-User Interface) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งใกล้เคียงกับแมคอินทอชโอเอส เพื่อให้การใช้งานดอสทำได้ง่ายขึ้น แต่วินโดวส์จะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการจริง ๆ เนื่องจากมันจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของดอสอีกที กล่าวคือจะต้องมีการติดตั้งดอสก่อนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดอสได้โดยผ่านทางWindows   ซึ่ง Windows จะง่ายต่อการใช้งานมากกว่าดอส
     ระบบปฏิบัติการ windows ใช้หลักการแบ่งงานเป็นส่วน เรียกว่า หน้าต่างงาน (windows) ที่แสดงผลลัพธ์แต่ละโปรแกรม ปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายหลายรุ่น เช่น Windows XP , Windows Vista, Windows 7 เป็นต้น
Windows คืออะไร วินโดวส์ คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง
Windows XP

Windows คืออะไร วินโดวส์ คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง
Windows Vista

ระบบปฏิบัติการ  เอ็นจอย

Android คืออะไร?

คู่แข่ง iPhone?
วงการมือถือในปัจจุบันมีโทรศัพท์กลุ่มที่เรียกว่า SmartPhone ซึ่งคือมือถือที่ทำอะไรได้มากกว่า โทรเข้า-ออก โดยสามารถเข้าถึงบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ตผ่าน App(แอพลิเคชั่น หรือโปรแกรม)บน Smartphone ทำให้โทรศัพท์มือถือในกลุ่ม SmartPhone เป็นอะไรที่ดึงดูดผู้ใช้งานมือถือที่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และเกิด LifeStyle ใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบัน เจ้าตลาด SmartPhone คือ iPhone ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่โด่งดังมาตลอดในช่าม 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีใครมาทาบรัศมีได้.. แต่แล้วในปีนี้เราเริ่มจะเห็นมือถือหลายรุ่นที่มีหน้าตาการทำงานคล้ายกัน และมีความสามารถที่ทัดเทียมกับ iPhone และในบางกระแสบอกว่า ความสามารถของเจ้ามือถือนี้ ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า iPhone เสียอีก… ผู้คนเรียกขานเจ้ามือถือหลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่มีหน้าตาการทำงานที่เหมือนกันนี้ว่า “Android(แอนดรอยด์) Phone”
google-android
Android(แอนดรอยด์) คืออะไร? และ Android(แอนดรอยด์) Phone คืออะไร?
วิธีที่จะเข้าใจว่า Android(แอนดรอยด์) คืออะไร? อย่างง่ายๆ ให้เราลองนึกถึง คอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ ตอนนี้ใช้ Windows อะไรอยู่ครับ บางคนก็จะตอบว่า Windows 7, Windows Vista บางคนก็ตอบว่า Windows XP หรือบางคนอาจจะตอบว่า ผมไม่ใช้ Windows ผมใช้ Linux ซึ่งจะเป็น Linux รุ่นไหนก็ว่ากันไป … Windows หรือ Linux เราเรียกมันว่า ระบบปฏิบัติการ(OS) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกันครับ มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า iPhone OS ครับ ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที อีกรายก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android(แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา ซึ่ง Android(แอนดรอยด์) เวอร์ชั่น 1.0 ได้ถูกปล่อยออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ 2008
android_ui
Android(แอนดรอยด์) Phone คืออะไร?
เราเข้าใจว่ามันมีระบบปฏิบัติการ iPhons OS และ Android OS แล้วนะครับ เมื่อเรานำระบบปฏิบัติการ iPhone OS ไปลงในมือถือ(เหมือนที่เราเอา Windows ไปลงในคอมพิวเตอร์) มือถือที่ลงเจ้า iPhone OS ก็จะกลายเป็นโทรศัพท์มือถือ iPhone อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ และเมื่อเราเอา Android OS ไปลงในมือถือ เราก็จะได้ Android Phone … แต่ความแตกต่างกันของ iPhone และ Android Phone ก็คือ iPhone มีผู้ผลิตรายเดียวคือแอปเปิ้ล จะไม่มีใครในโลกนี้ สามารถเอามือถือมาลง iPhone OS กลายเป็น iPhone มาขายได้อย่างแอปเปิ้ล ในขณะที่ Android(แอนดรอยด์) Phone นั้นใครๆก็ผลิตได้ เพราะกูเกิ้ลแจก Android OS ฟรีๆ เราจึงเห็นโทรศัพท์มือถือ Android Phone หลายรุ่นในตลาดมือถือ ซึ่งผลิตจากหลายบริษัท ทั้ง Samsung , Sony ericsson, HTC หรือแม้แต่กระทั่ง Motorola ..
Android 2.1 หรือ Android 2.2? ตัวเลขข้างหลังคืออะไร? เพื่ออะไร?
Android(แอนดรอยด์) 2.1 เป็นหมายเลขเวอร์ชั่นของ Android Phone ครับ เหมือนที่ Windows มีทั้ง Windows95, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อๆกันมาของ Windows ครับ ใน Android OS เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ Android OS มีทั้งหมด 8 เวอร์ชั่นแล้วครับและมีชื่อเล่นสำหรับเรียกง่ายๆด้วยครับ ยกเว้นสำหรับในเวอร์ชั่น 1.0 และ 1.1 ยังไม่มีการตั้งชื่อเล่นกันครับ ส่วนเวอร์ชั่นที่มีชื่อเล่นก็ได้แก่ CupCake(Android 1.5), Donut(Android 1.6), Éclair(Android 2.1), Froyo(Android 2.2), Gingerbread(Android 2.3), Honeycomb(Android 3.0) จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชื่อรุ่นทุกรุ่นเป็นของหวานทั้งหมดเลยครับ และในรุ่น Android ที่จะพัฒนาในอนาคตซึ่งยังไม่มีการกำหนดเลขเวอร์ชั่นก็จะมีชื่อว่า Ice Cream Sandwich อีกด้วย.. แค่อ่านชื่อก็อิ่มแล้ว..







                 ฮาร์ดแวร์ (Hardwareหมายถึงสิ่งที่มองเห็นและจับต้องสัมผัสได้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์  ไม่ว่าจะเป็น  ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์  (Case) เมนบอร์ด (Mainboard) และอุปกรณ์ต่อพ่วงรอบข้าง (Peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์   แป้นพิมพ์    เม้าส์ หน่วยประมวลผลกลาง   จอภาพ    เครื่องพิมพ์   และอุปกรณ์อื่น    ๆ ฮาร์ดแวร์จะไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองเดี่ยว  ๆ ได้ จะต้องนำมาต่อเชื่อมเพื่อทำงานร่วมกันเป็นระบบที่เรียกว่า    "ระบบคอมพิวเตอร์   (Computer System)"    ที่มีโครงสร้างของระบบจะทำงาน ตามโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้น 
                                                               
 แบ่งตามลักษณะการทำงานได้ หน่วย คือ   
                                                              1.    หน่วยรับเข้า  (Input Unit) หรือ หน่วยรับข้อมูล/คำสั่ง
                                                              2.    
หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit หรือ CPU) 
                                                              3 
  หน่วยความจำ (Memory Unit) 
                                                              4.   
 
หน่วยแสดงผล (OutPut Unit)


                                      





                                                                                                             รูปแสดงวงจรการทำงานของระบบคพิวเตอร์ (ที่มา : NECTEC
                                                                                                   

                                     
                หน่วยรับเข้า  หรือ  หน่วยรับข้อมูล/คำสั่ง   ทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ โดย
ข้อมูลผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล
      เช่น แป้นพิมพ์    เมาส์   เป็นต้น
                                                
               อุปกรณ์หน่วยรับเข้า  (Input Unit)  
แป้นพิมพ์ (keyboard) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลโดยรับข้อมูลจากการกดแป้นบนแผงแป้นอักขระ แล้วส่งรหัสให้กับคอมพิวเตอร์ แผงแป้นอักขระมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากในขณะนี้ มีจำนวนแป้น 103 แป้น
 เมาส์ เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่สามารถเลื่อนตัวชี้ไปยังตำแหน่งที่ต้องการบนจอภาพ มีลักษณะเป็นปุ่มกดครอบอยู่กับลูกกลมที่เมื่อลากไปกับพื้นแล้ว จะมีการส่งสัญญาณตามแนวแกน และแกน เข้าสู่คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันเมาส์มีหลายรูปแบบให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามความต้องการ
แทร็กบอล คือลูกกลมที่กลิ้งไปมาวางอยู่ในเบ้า ผู้ใช้สามารถบังคับลูกกลมให้หมุนไปมาเพื่อควบคุมการทำงานของตัวชี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีการสร้างแทรกบอลไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ค เพราะสะดวกต่อการใช้ และใช้พื้นที่น้อย
ก้านควบคุม มีลักษณะเป็นก้านโยกซึ่งโยกได้หลายทิศทาง ขณะที่โยกก้านไปมาตำแหน่งของตัวชี้จะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ก้านควบคุมมักเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้กันมากในการ
เล่นเกม
เครื่องกราดตรวจรายหน้า (page scanner) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านรูปภาพหรือตัวหนังสือ เช่น รูปถ่าย และ สัญลักษณ์ต่างๆ เป็นต้น
เครื่องอ่านรหัสแท่ง (barcode reader ) เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่ใช้สำหรับอ่านรหัสแท่ง (bar code) ซึ่งเป็นแถบเส้นที่ประกอบด้วยเส้นขนาดแตกต่างกันใช้แทนรหัสข้อมูลต่างๆ การอ่านจะใช้แสงส่องแถบเส้นทำให้เกิดการสะท้อนเพื่อรับรหัสเข้ามาตีความหาย ปัจจุบันนิยมใช้ในห้างสรรพสินค้า สินค้าทุกชนิดจะติดรหัสแท่งไว้ ผู้ขายใช้เครื่องอ่านรหัสแท่งเพื่อจะได้ทราบว่าเป็นรหัสของสินค้าใด ราคาเท่าใดและสามารถออกใบเสร็จรับเงินให้ได้อย่างอัตโนมัติ
จอสัมผัส (touch screen) สามารถเป็นได้ทั้งหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก จอภาพสามารถรับข้อมูลไปประมวลผลได้โดยการสัมผัสบนบริเวณจอภาพ บริเวณจอภาพของจอสัมผัสประกอบด้วยตาข่ายของลำแสงอินฟาเรด เมื่อมีวัตถุมาสัมผัสบนจอภาพ จะมีการส่งสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งบนจอภาพให้กับโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ได้  จอสัมผัสประยุกต์ใช้กับงานหลายอย่าง เช่น การจองตั๋วชมภาพยนตร์ การจองที่นั่งเพื่อรับประทานอาหาร
กล้องถ่ายภาพดิจิตอล สามารถถ่ายภาพและบันทึกไว้ในหน่วยความจำ
ภายในตัวกล้อง    และส่งข้อมูลภาพเข้าสู่คอมพิวเตอร์ได้

  

                                                         




















  • ฮาร์ดแวร์ (Hardware)คือลักษณะทางกายของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย
    • หน่วยรับข้อมูล ( input unit )
    • หน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรือ CPU
    • หน่วยความจำหลัก
    • หน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit )
    • หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage unit ) 
    หน่วยรับข้อมูล จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้น หน่วยประมวลผลกลาง จะนำไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ผู้ใช้รับทราบทาง หน่วยแสดงผลลัพธ์
    หน่วยความจำหลัก จะทำหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชั่วคราวที่มีขนาดไม่สูงมากนัก การที่ฮาร์ดแวร์จะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ส่วนการทำงานได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยู่กับหน่วยความจำหลักของเครื่องนั้น ๆ ข้อเสียของหน่วยความจำหลักคือ หากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในหน่วยความจำหลักจะหายไป ในขณะที่ข้อมูลอยู่ที่ หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง จะไม่สูญหายตราบเท่าที่ผู้ใช้ไม่ทำการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็ยข้อมูลสำรองยังมีความจุที่สูงมาก จึงเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรือเก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง ข้อเสียของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองคือการเรียกใช้ข้อมูลจะช้ากว่าหน่วยความจำหลักมาก
ฮาร์ดแวร์ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์

  • ซอฟต์แวร์ (Software)คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทำงานใดๆ เนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา
    ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ
    • ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software )
    • ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
ซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคุมทำงานต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการทำงานอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการได้ต่อไป ส่วน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทำงานต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
ซอฟต์แวร์ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์

  • บุคลากร (Peopleware)เครื่องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรียกบุคลากรเหล่านี้ว่า ผู้ใช้ หรือ ยูเซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องใช้ผู้ควบคุม อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ก็ยังคงต้องถูกออกแบบหรือดูแลรักษาโดยมนุษย์เสมอ
    ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็นหลายระดับ เพราะผู้ใช้คอมพิวเตอร์บางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรียกกลุ่มนี้ว่า เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user)
    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผู้ที่ได้ศึกษาวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีกนักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไป
    บุคลากรก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถึงการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุปลักษณะงานได้ดังนี้
    • การดำเนินงานและเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลงสื่อ หรือส่งข้อมูลเข้าประมวล หรือควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล (Data Entry Operator) เป็นต้น
    • การพัฒนาและบำรุงรักษาโปรแกรม เช่น เจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application Programmer) เจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรม (System Programmerเป็นต้น
    • การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล เช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบงาน (System Analyst and Administrator) วิศวกรระบบ (System Engineer) เจ้าหน้าที่จัดการฐานข้อมูล (Database Adminstrator) เป็นต้น
    • การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบทางฮาร์ดแวร์ เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการทำงานระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Operator) เป็นต้น
    • การบริหารในหน่วยประมวลผลข้อมูล เช่น ผู้บริหารศูนย์ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (EDP Manager) เป็นต้น

  • ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information)ในการทำงานต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ซึ้งในปัจจุบันมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นข้อมูลในการดัดแปลงข้อมูลให้ได้ประสิทธิภาพโดยแตกต่างๆระหว่าง ข้อมูล และสารสนเทศ คือ
    ข้อมูล คือ ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไม่ผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน
สารสนเทศเป็นสิ่งที่ผู้บริหาารนำไปใช้ช่วยในการตัดสินใจ โดยที่สารสนเทศที่มีประโยชน์นั้นจะมีคุณสมบัติ ดังตาราง
มีความสัมพันธ์กัน (relevant)สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
มีความทันสมัย (timely)ต้องมีความทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานได้ทันทีเมื่อต้องการ
มีความถูกต้องแม่นยำ (accurate)เมื่อป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์และผลลัพธ์ที่ได้จะต้องถูกต้องในทุกส่วน
มีความกระชับรัดกุม (concise)ข้อมูลจะต้องถูกย่นให้มีความยาวที่พอเหมาะ
มีความสมบูรณ์ในตัวเอง (complete)ต้องรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้อย่างครบถ้วน
คุณสมบัติของสารสนเทศที่มีประโยชน์


การเปลี่ยนรูปจากข้อมูลสู่สารสนเทศ

  • กระบวนการทำงาน (Procedure)
กระบวนการทำงานหรือโพรซีเยอร์ หมายถึง ขั้นตอนที่ผู้ใช้จะต้องทำตาม เพื่อให้ได้งานเฉพาะอย่างจากคอมพิวเตอร์ซึ่งผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องรู้การทำงานพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ ถ้าต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้
  1. จอภาพแสดงข้อความเตรียมพร้อมที่จะทำงาน
  2. สอดบัตร และพิมพ์รหัสผู้ใช้
  3. เลือกรายการ
  4. ใส่จำนวนเงินที่ต้องการ
  5. รับเงิน
  6. รับใบบันทึกรายการ และบัตร
การใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ นั้นมักจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานด้วย จึงต้องมีคู่มือการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เช่น คู่มือสำหรับผู้ควบคุมเครื่อง (Operation Manual) คู่มือสำหรับผู้ใช้ (User Manual) เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

การใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ


Windows คืออะไร
     Windows คือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง (operating system) สร้างขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัทไมโครซอฟต์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะเป็น GUI (Graphic-User Interface) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งใกล้เคียงกับแมคอินทอชโอเอส เพื่อให้การใช้งานดอสทำได้ง่ายขึ้น แต่วินโดวส์จะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการจริง ๆ เนื่องจากมันจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของดอสอีกที กล่าวคือจะต้องมีการติดตั้งดอสก่อนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดอสได้โดยผ่านทางWindows   ซึ่ง Windows จะง่ายต่อการใช้งานมากกว่าดอส 
     ระบบปฏิบัติการ windows ใช้หลักการแบ่งงานเป็นส่วน เรียกว่า หน้าต่างงาน (windows) ที่แสดงผลลัพธ์แต่ละโปรแกรม ปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายหลายรุ่น เช่น Windows XP , Windows Vista, Windows 7 เป็นต้น
Windows คืออะไร วินโดวส์ คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง
Windows XP

Windows คืออะไร วินโดวส์ คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง
Windows Vista

Windows คืออะไร วินโดวส์ คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง
Windows 7

ระบบปฎิบัติการวินโดวส์ (Windows)  
               ระบบปฏิบัติการแบบวินโดวส์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไมโครซอฟต์วินโดวส์ เป็นระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการธุรกิจและวงการอื่น ๆทั่วโลก บริษัทไมโครซอฟต์ได้พัฒนาวินโดวส์ออกมาหลายรุ่น ได้แก่ วินโดวส์ 95 วินโดวส์ 98 วินโดวส์ 2000 วินโดวส์ Me วินโดวส์ XP และล่าสุดคือวินโดวส์ 2003 ทุก ๆรุ่นจะมีหน้าตาและการทำงานคล้าย ๆกัน ต่างกันเพียงความสามารถในการใช้งานที่สูงขึ้น
             
              การเข้าสู่ระบบปฏิบัติการแบบวินโดวส์
                       เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมวินโดวส์แล้ว เมื่อเปิดเครื่องแล้วคอยสักครู่จะเข้าสู่โปรแกรมของระบบในช่วงการเปิดเครื่องโปรแกรมจะตรวจสอบระบบของฮาร์ดแวร์ต่าง ๆหลังจากนั้นจะมีจอภาพดังรูป







                      1. เดสก์ทอป (Desktop) พื้นหลังของจอภาพในระบบปฏิบัติการแบบวินโดวส์ เรียกว่า เดสก์ทอป หมายถึง โต๊ะทำงานที่มีอุปกรณ์การทำงานอยู่ครบพร้อมทำงานได้ทันที
                      2. แป้นลัด (Short cut) เป็นรูปเล็ก ๆ บนหน้าจอ สำหรับคลิกให้ทำงานหรือเปิดโปรแกรมได้โดยไม่ต้องเข้าไปเปิดโฟลเดอร์ในโปรแกรม ด้านบนขวาสุดเป็นแป้นลัดสำหรับ คลิกเข้าสู่โปรแกรมของไมโครซอฟต์ออฟฟิศ ได้แก่ ไมโครซอฟต์เวิร์ด ไมโครซอฟต์เอกเซลไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ ฯลฯ เป็นต้น
                      3. สัญรูป (Icon) เป็นรูปเล็ก ๆ บนจอภาพใช้แทนการทำงานหรือคำสั่งต่าง ๆ สำหรับคลิกเพื่อให้เกิดการทำงาน
                      4. แถบงาน (Task bar) เป็นแถบสีเทาด้านล่างของเดสก์ทอป สำหรับแสดงงานที่เปิดใช้อยู่ และงานที่ปิดไว้ชั่วคราว แถบงานประกอบด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆดังนี้
                              v      ปุ่ม Start อยู่ด้านซ้ายของแถบงาน สำหรับคลิกเพื่อเปิดกรอบเมนูของโปรแกรม
       v      เทมเพลท (Template) อยู่ด้านขวาของแถบงาน ประกอบด้วย นาฬิกา ตัวอักษร TH และ EN บอกโหมดการใช้ภาษาของแป้นพิมพ์เป็นไทยและอังกฤษ การสลับภาษาระหว่างไทยและอังกฤษ ทำได้ 2 วิธี คือ
                                     1. ใช้เมาส์คลิกที่ตัวอักษร EN หรือ TH ในแถบงานจะมีกรอบแสดงภาษาให้เลือก ผู้ใช้คลิกเลือกภาษาที่ต้องการ ดังรูป
                                     2. กดปุ่ม Assent ที่แป้นพิมพ์สลับไทยเป็นอ้งกฤษ และอังกฤษเป็นไทย
                     5. ตัวชี้เมาส์ ปกติเป็นรูปลูกศรสีขาว มีหน้าที่คลิกเพื่อเปิดโปรแกรม ลักษณะของการใช้เมาส์มี 4 แบบ
                             v      การลากและปล่อย (Drag and Drop) เป็นวิธีการคลิกปุ่มข้างซ้ายค้างไว้ที่สัญรูป แล้วลากไปปล่อยที่ตำแหน่งอื่น
                             v      การคลิก (Click) หมายถึง ชี้เมาส์ที่สัญรูปที่ต้องการ และกดเมาส์ข้างซ้าย 1 ครั้ง 
                             v      การคลิกขวา (Right click) เป็นการกดปุ่มข้างขวา 1 ครั้ง
                             v      การดับเบิ้ลคลิก (Double click) คือการคลิก 2 ครั้งติดต่อกันอย่างเร็ว
                       6. สัญรูปหลักที่มีบนจอภาพ ได้แก่ 
                             v      My Documents เป็นรูปแฟ้มสีเหลืองเรียกว่า โฟลเดอร์ (Folder) สำหรับเก็บข้อมูลเอกสารต่างๆ ที่บันทึกจากโปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ เป็นการแบ่งเนื้อที่ของฮาร์ดดิสก์ออกเป็นห้องสำหรับเก็บโปรแกรมต่าง ๆ ไม่ให้ปะปนกัน
                              ในโฟลเดอร์ My documents ของวินโดวส์ Me จะแบ่งย่อยเป็น - My Pictures สำหรับเก็บรูปภาพต่าง ๆ My Music เก็บแฟ้มเสียงที่เป็นเพลงต้วอย่างไว้เราสามารถนำแฟ้มเสียงและภาพมาใส่เพิ่มเติมได้
                             v      My Computer  แสดงอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่าง ๆ ทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ ได้แก่ 3.5 Floppy (A:) Local Disk C: และ Compact Disc (E:) 

                                Local Disk หมายถึง อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ติดตั้งในไว้ในระบบ จะมีชื่อเรียกเป็น A: B: C: D: E: F: ปกติเราจะติดตั้งเพียง A: เป็นฟลอปปีดิสก์ C: เป็นฮาร์ดดิสก์ และ D: เป็นซีดีรอม ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์มีความจุมากขึ้น จึงต้องแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ถ้าแบ่ง 2 ส่วน จะได้ ฮาร์ดดิสก์ชื่อ C: และ D: ซีดีรอมจะเปลี่ยนชื่อเป็น E: อย่างอัตโนมัติ
                                 Control Panel เป็นเครื่องมือจัดการระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ ต่อพ่วงต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์
                                Recycle Bin เป็นที่เก็บข้อมูลที่ถูกลบจากฮาร์ดดิสก์ไว้ชั่วคราว และสามารถนำข้อมูลนั้นกลับมาใช้ได้อีก
                                   Internet Explorer สำหรับคลิกเข้าสู่ระบบอินเตอร์เนต โดยต้อง ติดตั้งระบบอินเตอร์เนตก่อน
                                Windows Media Player มีไว้สำหรับดูหนัง และฟังเพลงจาก แผ่นซีดี และ MP 3 มีอยู่ในวินโดวส์ Me และรุ่นที่สูงกว่า

                                    Microsoft Outlook สำหรับรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-mail ซึ่งต้องติดตั้งระบบอินเตอร์เนตไว้ด้วย






ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์


ในโลกของการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันได้มีการพัฒนาที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการสื่อสารแบบไร้สาย ที่ได้มีการพัฒนาความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่สูงขึ้น จากเดิมที่มีการส่งได้เพียงข้อความสั้น(SMS :Short Message Service) และ MMS(Multimedia Messaging Service) ปัจจุบันสามารถทำการโทรศัพท์แบบเห็นหน้าคู่สนทนากันได้ (Video Call) แต่ต้องผ่านทางระบบของวายฟาย Wi-Fi (wireless fidelity) หรือ ระบบ 3G (Third Generation of Mobile Telephone)

ซึ่งสำหรับประเทศไทยแล้ว อุปกรณ์มือถือ และอุปกรณ์พกพา ส่วนมากในตลาดจะรองรับระบบการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในท้องตลาด จะมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกับระบบปฏิบัติการที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC :Personal Computer) ส่งผลให้แนวทางในการพัฒนาโปรแกรม เพื่อนำไปใช้งานบนอุปกรณ์เหล่านั้นยุ่งยาก และหลากหลายขึ้น

ระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์ดังกล่าว มีอยู่หลายตัวกันเช่น Android, iOS, Windows Phone, BlackBerry, Symbian, webOS, MeeGo และ QNX เป็นต้น โดยลักษณะของระบบปฏิบัติการข้างต้น ส่วนมากจะเป็นประเภทไม่เปิดเผยซอร์ฟแวร์ต้นฉบับ (Closed Source) ซึ่งหมายความว่า ระบบปฏิบัติการดังกล่าว ไม่สามารถนำมาศึกษา ดัดแปลงการทำงานของระบบปฏิบัติการเพื่อนำไปใช้งานตามที่ต้องการได้ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการพัฒนา และการพัฒนาจะถูกกำหนดทิศทางโดยบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์


AndroidiOSWindows Phone
AndroidiOSWindows Phone
webOSSymbian
webOSSymbian

แอนดรอยด์ (Android) คือระบบปฏิบัติการแบบเปิดเผยซอร์ฟแวร์ต้นฉบับ (Open Source) โดยบริษัท กูเกิ้ล (Google Inc.) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มีจำนวนมาก อุปกรณ์มีหลากหลายระดับ หลายราคา รวมทั้งสามาถทำงานบนอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอ และความละเอียดแตกต่างกันได้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามต้องการ

และหากมองในทิศทางสำหรับนักพัฒนาโปรแกรม (Programmer) แล้วนั้น การพัฒนาโปรแกรมเพื่อใช้งานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพราะมีข้อมูลในการพัฒนารวมทั้ง Android SDK (Software Development Kit) เตรียมไว้ให้กับนักพัฒนาได้เรียนรู้ และเมื่อนักพัฒนาต้องการจะเผยแพร่หรือจำหน่ายโปรแกรมที่พัฒนาแล้วเสร็จ แอนดรอยด์ก็ยังมีตลาดในการเผยแพร่โปรแกรม ผ่าน Android Market แต่หากจะกล่าวถึงโครงสร้างภาษาที่ใช้ในการพัฒนานั้น สำหรับ Android SDK จะยึดโครงสร้างของภาษาจาวา (Java language) ในการเขียนโปรแกรม เพราะโปรแกรมที่พัฒนามาได้จะต้องทำงานอยู่ภายใต้ Dalvik Virtual Machine เช่นเดียวกับโปรแกรมจาวา ที่ต้องทำงานอยู่ภายใต้ Java Virtual Machine (Virtual Machine เปรียบได้กับสภาพแวดล้อมที่โปรแกรมทำงานอยู่)
นอกจากนั้นแล้ว แอนดรอยด์ ยังมีโปรแกรมแกรมที่เปิดเผยซอร์ฟแวร์ต้นฉบับ (Open Source) เป็นจำนวนมาก ทำให้นักพัฒนาที่สนใจ สามารถนำซอร์ฟแวร์ต้นฉบับ มาศึกษาได้อย่างไม่ยาก ประกอบกับความนิยมของแอนดรอยด์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากใน โดยดูได้จากส่วนแบ่งการตลาด ดังรูป
[[รูป 1-2 : ส่วนแบ่งการตลาดของ Smart Phone ในปี 2010 ไตรมาสที่ 4 ข้อมูลจาก www.canalys.com ]]
ส่วนแบ่งตลาดของ SmartPhone

ประวัติความเป็นมา

เริ่มต้นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ถูกพัฒนามาจากบริษัท แอนดรอยด์ (Android Inc.) เมื่อปี พ.ศ 2546 โดยมีนาย แอนดี้ รูบิน (Andy Rubin) ผู้ให้กำเนิดระบบปฏิบัติการนี้ และถูกบริษัท กูเกิ้ล ซื้อกิจการเมื่อ เดือนสิงหาคม ปี พ.ศ 2548 โดยบริษัทแอนดรอยด์ ได้กลายเป็นมาบริษัทลูก ของบริษัทกูเกิ้ล และยังมีนาย แอนดี้ รูบิน ดำเนินงานอยู่ในทีมพัฒนาระบบปฏิบัติการต่อไป
ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาจากการนำเอา แกนกลางของระบบปฏิบัติการลินุกซ์ (Linux Kernel) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อทำงานเป็นเครื่องให้บริการ (Server) มาพัฒนาต่อ เพื่อให้กลายเป็นระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์พกพา (Mobile Operating System)
ต่อมาเมื่อเดือน พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2550 บริษัทกูเกิ้ล ได้ทำการก่อตั้งสมาคม OHA (Open Handset Alliance, http://www.openhandsetalliance.com) เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการกำหนดมาตรฐานกลาง ของอุปกรณ์พกพาและระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยมีสมาชิกในช่วงก่อนตั้งจำนวน 34 รายเข้าร่วม ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจด้าการสื่อสาร เช่น โรงงานผลิตอุปกรณ์พกพา, บริษัทพัฒนาโปรแกรม, ผู้ให้บริการสื่อสาร และผู้ผลิตอะไหล่อุปกรณ์ด้านสื่อสาร
[[รูป 1-3 : สมาคม OHA (Open Handset Alliance)]] 
สมาคม OHA (Open Handset Alliance
หลังจากนั้น เมื่อเดือนตุลาคม ปี พ.ศ 2551 บริษัท กูเกิ้ล ได้เปิดตัวมือถือตัวแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่ชื่อ T-Mobile G1 หรืออีกชื่อนึงคือ HTC Dream โดยใช้แอนดรอยด์รุ่น 1.1 และหลังจากนั้น ได้มีการปรับพัฒนาระบบปฏิบัติการเป็นรุ่นใหม่ มาเป็นลำดับ
[[รูป 1-4 : T-Mobile G1/HTC Dream]] [[01-04-01.bmp]]
T-Mobile G1/HTC Dream
ช่วงต่อมาได้มีการออกผลิตภัณฑ์จากบริษัทต่างๆ ออกมาหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ ตามการพัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าของแอนดรอยด์ มีให้เลือกอยู่อย่างมากมาย
[[รูป 1-5 : Android Device]] 
Samsung: Nexus SHTC: EVO 4GMotorola: Droid2
Samsung: Nexus SHTC: EVO 4GMotorola: Droid2
Motorola: XOOMHTC: Flyer
Motorola: XOOMHTC: Flyer

โครงสร้างของแอนดรอยด์

การทำความเข้าใจโครงสร้างของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะถ้านักพัฒนาโปรแกรม สามารถมองภาพโดยรวมของระบบได้ทั้งหมด จะให้สามารถเข้าใจถึงกระบวนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำไปช่วยในการออกแบบโปรแกรมที่ต้องการพัฒนา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
[[รูป 1-6 : Android Architecture]]
Android Architecture
จากโครงสร้างของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ จะสังเกตุได้ว่า มีการแบ่งออกมาเป็นส่วนๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยส่วนบนสุดจะเป็นส่วนที่ผู้ใช้งานทำการติดต่อโดยตรงซึ่งก็คือส่วนของ (Applications) จากนั้นก็จะลำดับลงมาเป็นองค์ประกอบอื่นๆตามลำดับ และสุดท้ายจะเป็นส่วนที่ติดต่อกับอุปกรณ์โดยผ่านทาง Linux Kernel โครงสร้างของแอนดรอยด์ พอที่จะอธิบายเป็นส่วนๆได้ดังนี้
  • Applications ส่วน Application หรือส่วนของโปรแกรมที่มีมากับระบบปฏิบัติการ หรือเป็นกลุ่มของโปรแกรมที่ผู้ใช้งานได้ทำการติดตั้งไว้ โดยผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้โปรแกรมต่างๆได้โดยตรง ซึ่งการทำงานของแต่ละโปรแกรมจะเป็นไปตามที่ผู้พัฒนาโปรแกรมได้ออกแบบและเขียนโค้ดโปรแกรมเอาไว้
  • Application Frameworkเป็นส่วนที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่อให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาโปรแกรมได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยนักพัฒนาไม่จำเป็นต้องพัฒนาในส่วนที่มีความยุ่งยากมากๆ เพียงแค่ทำการศึกษาถึงวิธีการเรียกใช้งาน Application Framework ในส่วนที่ต้องการใช้งาน แล้วนำมาใช้งาน ซึ่งมีหลายกลุ่มด้วยกัน ตัวอย่างเช่น
    • Activities Manager  เป็นกลุ่มของชุดคำสั่งที่จัดการเกี่ยวกับวงจรการทำงานของหน้าต่างโปรแกรม(Activity)
    • Content Providers เป็นกลุ่มของชุดคำสั่ง ที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลของโปรแกรมอื่น และสามารถแบ่งปันข้อมูลให้โปรแกรมอื่นเข้าถึงได้
    • View System เป็นกลุ่มของชุดคำสั่งที่เกี่ยวกับการจัดการโครงสร้างของหน้าจอที่แสดงผลในส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface)
    • Telephony Manager เป็นกลุ่มของชุดคำสั่งที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลด้านโทรศัพท์ เช่นหมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
    • Resource Manager เป็นกลุ่มของชุดคำสั่งในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็น ข้อความ, รูปภาพ
    • Location Manager เป็นกลุ่มของชุดคำสั่งที่เกี่ยวกับตำแหน่งทางภูมิศาตร์ ที่ระบบปฏิบัติการได้รับค่าจากอุปกรณ์
    • Notification Manager เป็นกลุ่มของชุดคำสั่งที่จะถูกเรียกใช้เมื่อโปรแกรม ต้องการแสดงผลให้กับผู้ใช้งาน ผ่านทางแถบสถานะ(Status Bar) ของหน้าจอ
  • Libraries เป็นส่วนของชุดคำสั่งที่พัฒนาด้วย C/C++ โดยแบ่งชุดคำสั่งออกเป็นกลุ่มตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น Surface Manage จัดการเกี่ยวกับการแสดงผล, Media Framework จัดการเกี่ยวกับการการแสดงภาพและเสียง, Open GL | ES และ SGL จัดการเกี่ยวกับภาพ 3มิติ และ 2มิติ, SQLlite จัดการเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล เป็นต้น
  • Android Runtime จะมี Darvik Virtual Machine ที่ถูกออกแบบมา เพื่อให้ทำงานบนอุปกรณ์ที่มี หน่วยความจำ(Memmory), หน่วยประมวลผลกลาง(CPU) และพลังงาน(Battery)ที่จำกัด ซึ่งการทำงานของ Darvik Virtual Machine จะทำการแปลงไฟล์ที่ต้องการทำงาน ไปเป็นไฟล์ .DEX ก่อนการทำงาน เหตุผลก็เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเมื่อใช้งานกับ หน่วยประมวลผลกลางที่มีความเร็วไม่มาก ส่วนต่อมาคือ Core Libraries ที่เป็นส่วนรวบรวมคำสั่งและชุดคำสั่งสำคัญ โดยถูกเขียนด้วยภาษาจาวา (Java Language)
  • Linux Kernel เป็นส่วนที่ทำหน้าที่หัวใจสำคัญ ในจัดการกับบริการหลักของระบบปฏิบัติการ เช่น เรื่องหน่วยความจำ พลังงาน ติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ความปลอดภัย เครือข่าย โดยแอนดรอยด์ได้นำเอาส่วนนี้มาจากระบบปฏิบัติการลินุกซ์ รุ่น 2.6 (Linux 26. Kernel) ซึ่งได้มีการออกแบบมาเป็นอย่างดี

รุ่นต่างๆ ของแอนดรอยด์

หลังจากที่บริษัท กูเกิ้ล ได้ซื้อบริษัท แอนดรอยด์ และได้มีการก่อตั้งสมาคม สมาคม OHA (Open Handset Alliance) เป็นที่เรียบร้อย ทางกูเกิ้ลก็ได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ขึ้นมาเป็นลำดับ โดยพอสังเขป ได้ดังนี้
  • รุ่น 1.0 , 23 กันยายน 2551
  • รุ่น 1.5 (Cupcake), 30 เมษายน 2552
  • รุ่น 1.6 (Donut), 15 กันยายน 2552
  • รุ่น 2.0 (Éclair), 26 ตุลาคม 2552
  • รุ่น 2.2 (Froyo), 20 พฤษภาคม 2553
  • รุ่น 2.3 (Gingerbread), 6 ธันวาคม 2553
  • รุ่น 3.0 (Honeycomb), 22 กุมภาพันธ์ 2554
[[รูป 1-7 : Android Logo]]
V1.5 CupcakeV1.6 DonutV2.0 Eclari
V1.5 CupcakeV1.6 DonutV2.0 Eclari
V2.2 FroyoV2.3 GingerbreadV3.0 Honeycomb
V2.2 FroyoV2.3 GingerbreadV3.0 Honeycomb
และภายในปี พ.ศ 2554 นี้ ทางบริษัทกูเกิ้ล มีแผนจะออกรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น นับว่าเป็นการพัฒนาการ ของแอนดรอยด์ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่หากมองในส่วนของจำนวนผู้ใช้ต่อรุ่นแล้วนั้น จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก Android Market จะพบได้ว่า รุ่นที่มีการใช้งานมากที่สุด (ข้อมูล ณ 15 มีนาคม 2554) จะเป็นรุ่น 2.2 (Froyo)
[[รูป 1-8 : Current Distribution]] [[01-08-01.bmp]]
Current Distribution

ข้อเด่นของแอนดรอยด์

เนื่องจากระบบปฏิบัตการแอนดรอยด์มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีส่วนแบ่งตลาดของอุปกรณ์ด้านนี้ ขึ้นทุกขณะ ทำให้กลุ่มผู้ใช้งาน และกลุ่มนักพัฒนาโปรแกรม ให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เพิ่มมากขึ้น
เมื่อมองในด้านของกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัทที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ได้มีการนำเอาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ไปใช้ในสินค้าของตนเอง พร้อมทั้งยังมีการปรับแต่งให้ระบบปฏิบัติการมีความสามารถ การจัดวาง โปรแกรม และลูกเล่นใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสินค้าที่เป็น มือถือรุ่นใหม่ (SmartPhone) และอุปกรณ์จอสัมผัส (Touch Screen) โดยมีคุณลักษณะแตกต่างกันไป เช่นขนาดหน้าจอ ระบบโทรศัพท์ ความเร็วของหน่วยประมวลผล ปริมาณหน่วยความจำ แม้กระทั่งอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ(Sensor)
หากมองในด้านของการพัฒนาโปรแกรม ทางบริษัท กูเกิ้ล ได้มีการพัฒนา Application Framework ไว้สำหรับนักพัฒนาใช้งาน ได้อย่างสะดวก และไม่เกิดปัญหาเมื่อนำชุดโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมา ไปใช้กับอุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะต่างกัน เช่นขนาดจออุปกรณ์ ไม่เท่ากัน ก็ยังสามารถใช้งานโปรแกรมได้เหมือนกัน เป็นต้น


ซิมเบียน



Symbian OS 6.0 หรือที่เรียกว่า ER6 (EPOC Release 6, ออกวางจำหน่ายก่อนหน้านี้ 5) ได้เปิดตัวใน 2001.
EPOC32 สนับสนุนการพัฒนาแยกอินเตอร์เฟซผู้ใช้แบบกราฟิก (GUI €™ s) & ฟังก์ชันเดียวกันได้ ported เพื่อ Symbian, นี่ก็เป็นผลในสามส่วนติดต่อผู้ใช้ที่สำคัญมีการพัฒนา; Nokia S60, UIQ โดยโมโตโรล่า & Sony Ericsson & MOAP(S) โดย NTT DoCoMo.
จากผู้ใช้รุ่นนี้มีความสามารถในการติดตั้งโปรแกรมประยุกต์บนโทรศัพท์ของพวกเขา. โทรศัพท์คนแรกที่มาพร้อมกับ S60 UI & Symbian OS 6.1 เป็นโนเกีย 7650; มันเป็นโทรศัพท์ 2.5G แรกและมีกล้อง & เซ็นเซอร์วัดแสง.
บางคุณสมบัติของ Symbian OS 6 รวมบลูทู ธ, IrDA & สนับสนุนหน่วยความจำภายนอก, XHTML, MMS, Java MIDP 1.0, SMTP, IMAP4, และความสามารถ POP3.
Symbian OS 7.0 ได้เปิดตัวใน 2003; จะเพิ่มการสนับสนุนสำหรับ Java MIDP 2.0. นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่ายหลายพร้อมกันเข้ามา (เรียกดู & ส่งอีเมลได้ในเวลาเดียวกัน) & ความสามารถในการเลือกการเชื่อมต่อเครือข่ายขึ้นอยู่กับคุณภาพของการบริการ.
ประสิทธิภาพการทำงานมัลติมีเดียได้ดีขึ้นด้วยการสนับสนุนการใช้งานแบบมัลติเธรดสื่อเช่น. Games, เครื่องเล่นสื่อ.
รอบ 1.18 ล้านบาทโทรศัพท์มือถือ Symbian ถูกส่งในไตรมาส 1 2003 เมื่อเทียบกับ 2 ล้านบาทในการจัดส่ง 2002 โดยภาพรวม.
โนเกีย ส่วนติดต่อผู้ใช้ S60 2nd Edition และรุ่น 2 แพ็คคุณสมบัติ 1 (FP1) โดยขึ้นอยู่กับรุ่นนี้ Symbian OS 8.0 ได้เปิดตัวใน 2004. ที่ว่าโทรศัพท์เวลาปกติมีสองหน่วยประมวลผล / ชิป, หนึ่งในการจัดการการสื่อสารและอื่น ๆ ในการจัดการการดำเนินงานระบบและข้อมูลของผู้ใช้หรือมีสองระบบปฏิบัติการ, อย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับส่วนวิทยุและการจัดการผู้ใช้อื่น ๆ €™ s ข้อมูล.
Symbian 8.0 คือสามารถจัดการทั้งสองด้วยตัวเอง.
นี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของโทรศัพท์มือถือ Symbian & ทำให้มันเป็น OS แรกที่สำคัญโทรศัพท์มือถือเพื่ออวดความสามารถนี้.
การปรับปรุงอื่น ๆ รวมถึงเพิ่มความสามารถมัลติมีเดีย, การสนับสนุน Java ดีกว่า, OpenGL ES & SDIO (SD ความหมายขยายหน่วยความจำ & การสนับสนุนเทคโนโลยีเช่น DVB - H & การจดจำลายนิ้วมือ).
โนเกียโทรศัพท์แรกของ N - series N90 จะขึ้นอยู่กับรุ่น 8.1. S60 2ครั้ง Edition FP2 และ FP3 ได้ขึ้นอยู่กับรุ่น 8.0 & 8.1. Symbian OS 9.1 ออกวางจำหน่ายได้ในช่วงต้น 2005 แต่รุ่น 9.0 ไม่ได้มีไว้สำหรับประชาชนทั่วไป.
ในรุ่น 9.1 และการอัพเกรดเป็นผลเนื่องมาจากคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นมีการเพิ่ม. การปรับปรุงอื่น ๆ รวมถึง HSDPA และในตัว WiFi & บลูทู ธ 2.0 สนับสนุน, ความสามารถในการรับสาย IP ผ่าน WiFi.
รูปแบบที่ 9.4 เพิ่มการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ. S60 3. Edition ขึ้นอยู่กับ 9.1, 3. Edition FP1 บน 9.2 & FP2 บน 9.3. S60 5TH หรือ Symbian Edition 1 ( S^ 1) จะขึ้นอยู่กับรุ่น 9.4.
Symbian OS 9.5 คือรุ่นล่าสุดของชุดระบบปฏิบัติการ Symbian, ประกาศในเดือนมีนาคม 2007. มันต้องมี 20-30% RAM น้อยลง & เวลาเริ่มต้นสำหรับระบบปฏิบัติการลดลง & การใช้งาน
Symbian Anna
ด้วยการเปิดตัวของ Nokia X7 และ E6 มารุ่นใหม่ที่เรียกว่า Symbianแอนนา
ตามวิสัยทัศน์ประมาณโทรศัพท์มือถือ. 446 ล้านโทรศัพท์ Symbian OS ได้รับการจัดส่งเป็นของ H2 2010. อนาคตของระบบปฏิบัติการที่อาศัยอยู่กับเราทุกปีเหล่านี้ & ขับเคลื่อนที่ดีที่สุดโทรศัพท์สื่อในขณะนี้ไม่เป็นที่รู้จักเป็น Nokia ได้ตัดสินใจที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์ การใช้ Windows เป็นฐานของระบบปฏิบัติการสำหรับมาร์ทโฟน.
Symbian Belle โนเกียเปิดตัว Symbian รุ่นถัดไปรหัส "Belle" (นับต่อจาก Anna ที่ใช้ตัว A แนวทางเดียวกับ Ubuntu) เรียบร้อย
ของใหม่ใน Symbian Belle มีดังนี้




ความแตกต่างระหว่าง  ซิมเบี้ยน และ แอนดรอยน์

Symbian 
คือ ระบบปฏิบัติการณ์ของ Nokia ซึ่ง จะมีอยู่ในมือถือของ Nokia แทบทุกรุ่น ถ้าจะซื้อขอแนะนำว่าไม่ควรครับ เพราะ Symbian เก่ามากแล้ว  แถม Nokia ประกาศจะเลิกทำต่อแล้วด้วย เวอร์ชั่นล่าสุดตอนนี้คือ Symbian Anna ครับ

Android
คือ ระบบปฏิบัติการของ Google ส่วนใหญ่มักจะใช้ในมือถือ Samsung , Sony Ericsson , hTC , LG ฯลฯ ผมขอตอบว่า Android ดีกว่าครับ แทบจะทุกด้าน มือถือ High-end ของ Android สเปคแรงกว่าตัว Symbian ครับ ปัจจุบันเวอร์ชั่น 2.3 GingerBread ใช้ใน Smartphone และ 3.0 Honeycomb ใช้ใน Tablet

พิมพ์เหนื่อยเลย = =" สรุปว่า Android ดีกว่าครับ ทั้งแอปพลิเคชั่นที่รองรับมาก มี Custom Rom ให้ลองเล่นเยอะ แถมเป็น Open Source ซึ่งราคาจะถูก (ถูกกว่าไอโฟน) แถมมีให้เลือกหลายรุ่นมากๆ ช่วยแนะนำเครื่องให้ไหมครับ?