โลกแคบเกินไปสำหรับธุรกิจ'กูเกิล'
บนโลกใบนี้คงจะมีคนน้อยมากที่ไม่รู้จักชื่อ 'กูเกิล' อีกทั้ง
ธุรกิจของกูเกิลก็ยังขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ธุรกิจ ของกูเกิลก็ยังขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ว่าจะรุกเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือด้วยการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ
"แอนดรอยด์" สำหรับสมาร์ทโฟน ที่ปัจจุบันพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 4 ที่หลายต่อหลายคนตั้งตารอคอยการมาถึงของโทรศัพท์ที่ใช้โอเอสรุ่นนี้ กูเกิลยังได้ทุ่มเงินซื้อกิจการผลิตโทรศัพท์มือถือของโมโตโรล่าเพื่อใช้สิทธิ์เหนือสิทธิบัตรของโมโตโรล่าที่มีอยู่อย่างมากมายและทับไลน์กับแนวทางการขยายธุรกิจของกูเกิล
ของกูเกิลก็ยังขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ว่าจะรุกเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือด้วยการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ "แอนดรอยด์"
สำหรับสมาร์ทโฟน ที่ปัจจุบันพัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 4 ที่หลายต่อหลายคนตั้งตารอคอยการมาถึงของโทรศัพท์ที่ใช้โอเอสรุ่นนี้ กูเกิลยังได้ทุ่มเงินซื้อกิจการผลิตโทรศัพท์มือถือของโมโตโรล่าเพื่อใช้สิทธิ์เหนือสิทธิบัตรของโมโตโรล่าที่มีอยู่อย่างมากมายและทับไลน์กับแนวทางการขยายธุรกิจของกูเกิล
แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าพื้นแผ่นดินและโลกไซเบอร์บนโลกราหูใบนี้จะแคบเกินไปสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจของกูเกิล ที่ล่าสุดนายแลรี่
เพจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และนายอีริค ชมิดท์ ประธานกรรมการบริหารกูเกิล อิงค์
ได้ร่วมลงขันกับนายเจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ "ไททานิค" และ
"อวตาร" เปิดบริษัทแพลเนทารี รีซอร์สเซส อิงค์
โดยวางจุดประสงค์ของบริษัทไว้ที่ "การสำรวจอวกาศและค้นหาทรัพยากรธรรมชาติ"
พูดง่ายๆ ก็คือกูเกิล และนายคาเมรอนกำลังวางแผนการลงทุนทำเหมืองในอวกาศ
ด้วยเงินลงทุนมหาศาลกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐตามการประเมินขององค์การการบินและอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกา
หรือ "นาซา"
ในความเป็นจริงนักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ทั่วโลกต่างรู้ดีว่าในอวกาศที่เวิ้งว้างนั้น
ยังมีแหล่งทรัพยากรที่รอการค้นพบและนำมาใช้ประโยชน์อีกมาก จากการศึกษาอุกกาบาตที่หล่นจากท้องฟ้าลงมายังพื้นโลก
และพบแร่เหล็กนิกเกิล และทองคำ รวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ
ที่มนุษย์รู้จักและไม่รู้จักอีกจำนวนหนึ่ง
แต่การทำเหมืองในอวกาศนั้นเหมือนเป็นความฝันของมนุษยชาติในช่วงที่ผ่านมา
เพราะไม่มีเทคโนโลยียานขนส่ง และอุปกรณ์สำรวจแร่ในอวกาศ รวมทั้งไม่มีนักลงทุนที่
"กล้า" พอที่จะลงทุนกับความฝันเช่นนี้
แพลเนทารี รีซอร์สเซส เปิดเผยกระบวนการทำเหมืองในอวกาศอย่างคร่าวๆ
ไว้ว่า จะใช้ยานอวกาศที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อน "ดึง"
เอาดาวเคราะห์น้อย หรืออุกกาบาต ที่มีแหล่งแร่อยู่เป็นจำนวนมาก เข้ามาในวงโคจรของดวงจันทร์
ก่อนที่จะส่งยานอวกาศนำนักสำรวจหรือหุ่นยนต์สำรวจและทำเหมืองขึ้นไปยังดาวเคราะห์น้อยดวงนั้น
และขุดเจาะนำแร่ขึ้นยานขนส่งกลับสู่โลก
นาซาประเมินค่าใช้จ่ายเหนาะๆ
สำหรับการดึงดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กน้ำหนัก 500 ตันเข้าใกล้โลกอยู่ที่ 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท) ไม่รวมอุปกรณ์การทำเหมืองและการขนส่งอุปกรณ์
หรือแร่ที่ได้กลับสู่โลก
อย่างไรก็ตามผู้บริหารของกูเกิลยืนยันว่าถ้าโครงการดังกล่าวที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นภายในทศวรรษนี้เป็นจริงขึ้นมาจะทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าตัวจากปัจจุบัน
ชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรโลกจะดีขึ้นตามไปด้วย จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
และทรัพยากรแร่ธาตุที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์ซึ่งนำมาจากนอกโลก
นี่คงเรียกได้ว่า "ความฝันที่ยิ่งใหญ่"
ของผู้กุมบังเหียนกูเกิล และผู้กำกับภาพยนตร์ที่เคยสะท้อนความฝันเกี่ยวกับการทำเหมืองในอวกาศในภาพยนตร์เรื่อง
"อวตาร" มาอย่างชัดเจน
ขอเพียงแค่อย่าบุกไปบนดาวเคราะห์น้อยแล้วต้องทำสงครามกับชนเผ่า
"นาวี" อย่างในภาพยนตร์อีกเลย
แหล่งที่มา....https://www.google.co.th/search?q=ข่าวเศรษฐกิจเทคโนโลยี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น